โกโก้ (Cocoa) คือ เมล็ดพืชของต้นโกโก้ที่ผ่านการตากแห้งและหมัก เพื่อนำไปทำช็อคโกแลต (จริงๆแล้วคำว่า โกโก้ – cocoa เพื้ยนมาจากคำว่า cacao) เมล็ดโกโก้จะมีไขมันที่เรียกว่าไขโกโก้ (Cocoa Butter) เมื่อสกัดเอาไขโกโก้ออกและบดเมล็ดให้ละเอียดก็จะได้ผงโกโก้ 100% ที่เรานำมาชงช็อคโกแลตดื่ม ส่วนช็อคโกแลตชิพหรือช็อคโกแลตแท่งก็คือ การนำผง โกโก้มาผสมกับไขโกโก้และส่วนผสมอื่นๆ เช่น นม น้ำตาล และสารปรุงแต่งต่างๆนั่นเอง
บางครั้งเราจะเห็นฉลากระบุเปอร์เซนต์ไขมันในโกโก้นั้น ซึ่งมีได้ตั้งแต่ 0% ถึง 26% นั่นก็คือไขโกโก้ที่ยังเหลืออยู่ โดยโกโก้ที่มีเปอร์เซนต์ไขมันในโกโก้ที่สูงมักจะมีราคาแพงและมีคุณภาพที่ดี กว่า
บางครั้งเราจะเห็นฉลากระบุเปอร์เซนต์ไขมันในโกโก้นั้น ซึ่งมีได้ตั้งแต่ 0% ถึง 26% นั่นก็คือไขโกโก้ที่ยังเหลืออยู่ โดยโกโก้ที่มีเปอร์เซนต์ไขมันในโกโก้ที่สูงมักจะมีราคาแพงและมีคุณภาพที่ดี กว่า
ผงโกโก้แบบธรรมชาตินั้น เมื่อนำมาทำขนมรสจะขมกว่า นิยมใช้ในการทำบราวนี่ ซึ่งจะได้รสช็อกโกแลตแบบเต็มๆเลย และอีกแบบคือ Dutch-Process หรือบางทีจะเรียกว่า Dutched หรืออีกชื่อก็คือ Alkalized Cocoa Powder ซึ่งถูกคิดค้นโดย Mr. Van Houten ที่ใช้ด่างในการทำให้เมล็ดโกโก้หมักที่เป็นกรดนั้นเป็นกลางเสียก่อนที่จะนำ มาบีบอัดแยกไขมันและทำเป็นผงโกโก้ ผลที่ได้ก็คือ ผงโกโก้นี้จะมีสีน้ำตาลอมแดง ดูสวยมีเสน่ห์ และให้รสอร่อยกว่า ขมน้อยกว่า รสละมุนกว่า
สรุปว่าผงโกโก้ 100% ที่ใช้ทำขนมจะประกอบด้วยผงโกโก้และไขโกโก้เท่านั้น
ส่วนช็อคโกแลตจะมีส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของนม (ถึงจะเป็น dark chocolate ก็อาจมีนมผสมอยู่ได้ หรืออาจอยู่ในไลน์การผลิตที่มีนมหรือถั่วเป็นส่วนผสม)
ดังนั้นผู้ที่มีอาการแพ้อาหารควรอ่านฉลากให้ละเอียด
หรือสอบถามทางผู้ผลิตโดยตรงเพื่อความมั่นใจนะคะ ♥♡
ส่วนช็อคโกแลตจะมีส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของนม (ถึงจะเป็น dark chocolate ก็อาจมีนมผสมอยู่ได้ หรืออาจอยู่ในไลน์การผลิตที่มีนมหรือถั่วเป็นส่วนผสม)
ดังนั้นผู้ที่มีอาการแพ้อาหารควรอ่านฉลากให้ละเอียด
หรือสอบถามทางผู้ผลิตโดยตรงเพื่อความมั่นใจนะคะ ♥♡