HOT CHOCOLATE MALLOWS ส่วนผสม COCOA POWDER 1 ซอง น้ำร้อน 1 แก้ว Lindt Excellence 99% COCA 1 ชิ้น Marshmallows ตามชอบ ขั้นตอนที่ 1 นำน้ำร้อนใส่แก้วประมาณค่อนแก้ว แล้วแบ่งดาร์คช็อคโกแลตออกมาชิ้นนึง นำดาร์คช็อกโกแลคใส่ลงไปในน้ำร้อนที่เตรียมไว้ ขั้นตอนที่ 2 นำเข้าไมโครเวฟ 3 นาทีเพื่อละลายดาร์คช็อกโกแลต ขั้นตอนที่ 3 พอได้ดาร์คช็อกโกแลตที่ละลายแล้วนำผงโกโก้ใส่เข้าไป 1 ซอง แล้วเติมน้ำร้อนเพิ่มตามความชอบ ขั้นตอนที่ 4 นำเข้าไมโครเวฟอีกครั้งเป็นเวลา 2 นาที เพื่อทำให้ร้อนขึ้น ขั้นตอนที่ 5 ใส่มาชเมลโล่ลงไปตามใจชอบ แล้วนำเข้าไมโครเวฟอีกครั้งเพื่อทำให้มาชเมลโล่ละลาย เมื่อนำออกมาก็จะได้ ฮอตช็อกโกแลตรสเข้มข้นที่มีท็อปปิ้งมาชเมลโล่ยืดดดดยืดด ที่น่าอร่อย :) ☆ ขั้นตอนที่ 6 ☆ ขั้นตอนนี้ขาดไม่ได้เลย คือการ อัพรูปลง Instagram :-) • • • • • • • • • • ประโยชน์ของเครื่องดื่มโกโก้ หรือ ช็อคโกแลตร้อน ♥ ในปัจจุบันมีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดให้ผู้ดื่มได้เลือก และเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยม ได้แก่ โกโก้ เชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยสั่งเครื่องดื่มโกโก้กันบ้าง นอกจากนี้ยังมีวิจัยได้วิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของโกโก้ และต้องเป็นที่น่าตกใจ เพราะคุณประโยชน์ของโกโก้มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประโยชน์เช่นเดียวกับ เครื่องดื่มประเภท ชาหรือไวน์แดง แต่ว่าโกโก้มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าเครื่องดื่มพวกนี้หลายเท่าตัวเลย ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันโรคได้หลายโรคกันเลยทีเดียว ดื่มโกโก้วันละแก้วเพื่อสุขภาพที่ดีต่อตัวคุณ ดื่มโกโก้อย่างไรได้รับผลประโยชน์สูงสุด ♡ นักวิจัยเผยว่า การดื่มโกโก้โดยตรงจะได้รับคุณค่าสารอาหารอย่างเต็มที่ ดีกว่านำไปทำเป็นอาหาร การดื่มโกโก้ร้อนสักแก้วนอกจากจะได้รับความอร่อย ยังได้รับความอบอุ่นแกร่างกายและเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โกโก้มีไขมันที่ต่ำกว่าช็อคโกแลต เช่น ช็อคโกแลตในขนาด40กรัม มีไขมัน8กรัม แต่โกโก้มีไขมันเพียง0.3กรัม คุณประโยชน์ โกโก้อุดมไปด้วย แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม สารฟลาโวนอยด์(FLAVONOID) และสารต้านอนุมูลอสระ ชื่อว่าโพลีฟีนอล มีประสิทธิภาพในการขยายเส้นเลือด จึงสามารถลดความดันเลือดและปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดได้ สารตัวนี้นอกจากจะมีอยู่ในโกโก้แล้ว ยังอยู่ในแอปเปิ้ลแดง บลูเบอรี่ และชาเขียว 1 มีการไหลเวียนโลหิตในสมองดีขึ้น เพราะโกโก้มีสารฟลาวานอลส์สูง เพราะมีการทดลองในบรรดาผู้หญิงที่ให้ดื่มประเภทโกโก้ที่มีสารฟลาวานอลส์สูง มีการไหลเวียนโลหิตในสมองดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ดื่ม
2 โกโก้มีฤทธิ์ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ 3 ช็อคโกแลตซึ่งผลิตมาจากโกโก้ อาจช่วยให้มีอายุยืนขึ้น เนื่องจากมีสารโพลีฟีนอล ซึ่งช่วยกวาดล้างสารผิดออกจากร่างกาย • • • • • • • • • • โกโก้ (Cocoa) คือ เมล็ดพืชของต้นโกโก้ที่ผ่านการตากแห้งและหมัก เพื่อนำไปทำช็อคโกแลต (จริงๆแล้วคำว่า โกโก้ – cocoa เพื้ยนมาจากคำว่า cacao) เมล็ดโกโก้จะมีไขมันที่เรียกว่าไขโกโก้ (Cocoa Butter) เมื่อสกัดเอาไขโกโก้ออกและบดเมล็ดให้ละเอียดก็จะได้ผงโกโก้ 100% ที่เรานำมาชงช็อคโกแลตดื่ม ส่วนช็อคโกแลตชิพหรือช็อคโกแลตแท่งก็คือ การนำผง โกโก้มาผสมกับไขโกโก้และส่วนผสมอื่นๆ เช่น นม น้ำตาล และสารปรุงแต่งต่างๆนั่นเอง บางครั้งเราจะเห็นฉลากระบุเปอร์เซนต์ไขมันในโกโก้นั้น ซึ่งมีได้ตั้งแต่ 0% ถึง 26% นั่นก็คือไขโกโก้ที่ยังเหลืออยู่ โดยโกโก้ที่มีเปอร์เซนต์ไขมันในโกโก้ที่สูงมักจะมีราคาแพงและมีคุณภาพที่ดี กว่า ผงโกโก้แบบธรรมชาตินั้น เมื่อนำมาทำขนมรสจะขมกว่า นิยมใช้ในการทำบราวนี่ ซึ่งจะได้รสช็อกโกแลตแบบเต็มๆเลย และอีกแบบคือ Dutch-Process หรือบางทีจะเรียกว่า Dutched หรืออีกชื่อก็คือ Alkalized Cocoa Powder ซึ่งถูกคิดค้นโดย Mr. Van Houten ที่ใช้ด่างในการทำให้เมล็ดโกโก้หมักที่เป็นกรดนั้นเป็นกลางเสียก่อนที่จะนำ มาบีบอัดแยกไขมันและทำเป็นผงโกโก้ ผลที่ได้ก็คือ ผงโกโก้นี้จะมีสีน้ำตาลอมแดง ดูสวยมีเสน่ห์ และให้รสอร่อยกว่า ขมน้อยกว่า รสละมุนกว่า สรุปว่าผงโกโก้ 100% ที่ใช้ทำขนมจะประกอบด้วยผงโกโก้และไขโกโก้เท่านั้น
ส่วนช็อคโกแลตจะมีส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของนม (ถึงจะเป็น dark chocolate ก็อาจมีนมผสมอยู่ได้ หรืออาจอยู่ในไลน์การผลิตที่มีนมหรือถั่วเป็นส่วนผสม) ดังนั้นผู้ที่มีอาการแพ้อาหารควรอ่านฉลากให้ละเอียด หรือสอบถามทางผู้ผลิตโดยตรงเพื่อความมั่นใจนะคะ ♥♡ สำหรับใครที่ติดกินมิลค์ช็อกโกแลตเป็นประจำทุกวัน ขอแนะนำว่า ควรหันมากินดาร์กช็อกโกแลตบ้าง เพราะในดาร์กช็อกโกแลตนั้น มีประโยชน์ต่อสุขภาพซ่อนอยู่หลายข้อเลยทีเดียวค่ะ รับรองว่าอ่านแล้วจะยิ่งชอบกินช็อกโกแลตมากขึ้นไปอีก มาดูกันเถอะว่าช็อกโกแลตสีดำเข้มนี้จะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของเราอะไร บ้าง • บำรุงหัวใจ จากผลการวิจัยของประเทศสวีเดนเผยว่า การกินดาร์กช็อกโกแลตอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งช่วยลดความเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจได้สูงถึงร้อยละ 44 ทั้งนี้เป็นเพราะปริมาณสารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตนั้นช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจมากขึ้น ช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัวที่จะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบตันในเวลาต่อมา • ช่วยให้ความจำดีขึ้น ดาร์กช็อกโกแลตเพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้ไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ทำให้เราจดจำอะไรได้ดีขึ้น จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Nottingham ในประเทศอังกฤษ เผยว่า สารฟลาโวนอยด์ในโกโก้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำของสมองให้นานมากขึ้นถึง 2-3 ชั่วโมง • ป้องกันโรคเบาหวานประเภท 2 สารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตช่วยยับยั้งการกระตุ้นสร้างอินซูลินในร่างกายได้ และยังช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตของเราอีกด้วย จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ได้ • ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
ดาร์กช็อกโกแลตเป็นอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง และชะลอกระบวนการเกิดริ้วรอยบนผิวพรรณ เป็นต้น • ลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก ดาร์กช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มีความหวานต่ำ เพราะมีสารคาเฟอีนให้ความขมที่เรียกว่า ธีโอโบรมีน(Theobromine) อยู่ในปริมาณสูง ดังนั้น กินแล้วจึงไม่ต้องห่วงว่าฟันจะผุจากการสะสมของแบคทีเรีย • บำรุงเลือด ดาร์กช็อกโกแลตแท่งสีดำเข้มอุมดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น โพแทสเซียม สังกะสี แมกนีเซีย และธาตุเหล็ก ซึ่งช่วยบำรุงเลือดของเราให้เกิดการไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้เราห่างไกลจากภาวะโลหิต โรคเบาหวานประเภท 2 โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง • ช่วยลดน้ำหนัก จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เผยว่า รสขมของดาร์กช็อกโกแลตช่วยยับยั้งความอยากอาหารได้ดี โดยเฉพาะ อาหารที่มีรสหวาน รสเค็ม และมีไขมันสูง ซึ่งการกินดาร์กช็อกโกแลตขนาดแค่เหรียญบาทเป็นประจำทุกวัน ก็สามารถช่วยให้เราควบคุมน้ำหนักตัวได้ง่ายขึ้นแล้ว น่าลองนะคะ ! • ดีต่อลูกน้อยในครรภ์ คนท้องที่กินช็อกโกแลตเป็นประจำมีแนวโน้มว่าลูกน้อยในครรภ์เป็นเด็กอารมณ์ดี ยิ้มเก่ง จากผลการวิจัยของประเทศฟินแลนด์ เผยว่า คนท้องที่กินดาร์กช็อกโกแลตมากกว่า 5 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งท้องนั้น มีความเสี่ยงต่ำที่จะครรภ์เป็นพิษถึงร้อยละ 69 อีกทั้งยังมีแนวโน้มได้ลูกน้อยที่มีนิสัยน่ารัก อารมณ์ดี และยิ้มเก่งด้วย สาเหตุมาจากการที่สมองของคุณแม่หลั่งสารเคมีเฟนิลเอธิลลามีน (Phenylethylamine) ออกมาขณะกินช็อกโกแลต ทำให้รู้สึกอารมณ์ดี ซึ่งความรู้สึกนี้ก็จะถ่ายทอดถึงลูกน้อยด้วย ช็อกโกแลตนอกเหนือไปจากเป็นของหวานยอดนิยมของสาวๆ แล้ว ช็อคโกแลตยังจัดเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของวันวาเลนไทน์แสนหวานในทุกๆ ปี ควบคู่ไปกับดอกกุหลาบสีสวย ทั้ง 2 อย่างต่างถูกนำมาใช้เป็นสื่อแทนความในใจของหนุ่มสาวทั่วโลก ถึงอย่างนั้น ช็อคโกแลตก็นับว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของสาวๆ ด้วยเหมือนกัน แม้ ว่าจะวิจัยกันแล้วว่าของหวานประเภทนี้ไม่ใช่สาเหตุหลักในการเกิดสิวเสีย หน่อย แต่ผู้หญิงจำนวนมากก็ยังเชื่อมั่นว่า ช็อคโกแลต = ความอ้วน ซึ่ง เป็นสิ่งไม่พึงปรารถนาสำหรับสาวเชฟงามทั้งหลาย ทว่า เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีผลการวิจัยอีกกระแสระบุว่า ช็อคโกแลตมีประโยชน์มากกว่าที่คิด กล่าวก็คือในผงช็อคโกแลตดำและผงโกโก้ที่นำมา ทำขนมนั้น จะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอล ตัวที่มีประโยชน์และทำให้คอเลสเตอรอลที่เป็นอันตรายลดการทำปฏิกิริยากับ ออกซิเจนซึ่งแปลว่าจะช่วยลดการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ทั้งนี้มีข้อแม้ว่าต้องบริโภคช็อคโกแลตเป็น ประจำในปริมาณพอสมควรเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการทดลองและวิจัยพบอีกว่า ผู้ที่ดื่มนมช็อคโกแลต
เป็นประจำทุกวันนั้น ไม่มีปริมาณคอเลสเตอรอลที่เป็นอันตรายเพิ่มขึ้น ทั้ง ที่บริโภคไขมัน (จากนม) เข้าไปเป็นจำนวนมาก เท่านั้นยังไม่พอ ช็อคโกแลตยังอุดมไปด้วยสารเคมีที่ทำให้ร่างกายรู้สึกสบายใจ สดชื่นและมีความสุข เช่น เซโรโทนินและเอนดอร์ฟิน ก็แปลว่าช็อคโกแลตมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่คาดไว้ ชนิดของช็อกโกแลต • • • • • • • ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมที่นิยมมาก และมีให้เลือกในหลากหลายรูปแบบ รูปแบบและรสชาติของช็อกโกแลตนั้นแตกต่างกันได้โดยส่วนผสมและปริมาณของส่วน ผสมในช็อกโกแลต นอกจากส่วนผสมแล้วรสชาติยังแตกต่างกันโดยระยะเวลาและอุณหภูมิของการคั่ว เมล็ดโกโก้ด้วย ช็อคโกแลตทั่วไปที่เราซื้อมารับประทานมีมากมายหลายชนิดหลายรูปแบบ สามารถแบ่งคร่าวๆออกมาเป็น 11 ชนิดได้แก่... 1. ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน (unsweetened chocolate) คือ ช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือที่รู้จักกันในนาม ช็อกโกแลตฝาด ใช้ในการอบอาหาร และเป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการเจือปนใด ๆ ทั้งสิ้น ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติเข้มข้มและลุ่มลึกของช็อกโกแลตบริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ดีเมื่อมีการเพิ่มน้ำตาลเข้าไป ช็อกโกแลตชนิดนี้จะใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำบราวนี เค้ก ลูกกวาด และคุกกี้ • • • • • • • 2.ช็อกโกแลตดำ ช็อกโกแลตดำ (dark chocolate) คือช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ช็อกโกแลตดำมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ป้องกันมิให้เกิดคราบไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือด หัวใจ สาเหตุของโรคหัวใจเลือดตีบ และช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดแข็งตัว สาเหตุของการอุดตันในหลอดเลือด และป้องกันความดันโลหิตสูง • • • • • • • 3. ช็อกโกแลตนม ช็อกโกแลตนม (milk chocolate) คือช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือนมข้นหวาน ช็อกโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ (cocoa butter) นม และยังเพิ่มความหวานและรสชาติลงไปด้วย • • • • • • • 4.ช็อกโกแลตลิเคียว เป็นผลผลิตจากเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ น้ำช็อกโกแลตนี้สามารถทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ แต่ช็อกโกแลตที่ได้เป็นชนิดที่ไม่หวาน น้ำช็อกโกแลตนี้จะมีส่วนผสมของโกโก้บัตเตอร์ประมาณ 53% กลมกล่อม • • • • • • • 5.ช็อกโกแลตกึ่งหวาน ช็อกโกแลตกึ่งหวาน (semi-sweet) อยู่ในรูปของเหลวแล้วเพิ่มความหวานและใส่เนยโกโก้ลงไปด้วย สีของช็อกโกแลตชนิดนี้สีจะเข้ม ตามมาตรฐานของสหรัฐฯ จะมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตประมาณ 35% และมีไขมันประมาณ 27% ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติความหวานเล็กน้อย และกลมกล่อมลิ้นอย่างมากก • • • • • • • 6.ช็อกโกแลตหวาน ช็อกโกแลตหวาน (sweet chocolate) ช็อกโกแลตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไปมากกว่าช็อกโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 15 % ช็อกโกแลตชนิดนี้ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมและตกแต่งขนม และยังมีไขมันเท่า ๆ กับช็อกโกแลตแบบหวานน้อย • • • • • • • 7.ช็อกโกแลตขาว ช็อกโกแลตขาว (white chocolate) ชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ แต่ไม่มีโกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล เนยโกโก้ นมสด และใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย ช็อกโกแลตขาวนี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้ • • • • • • • 8.ลิควิดช็อกโกแลต เป็นช็อกโกแลตที่ไม่หวาน ส่วนใหญ่จะบรรจุขายเป็นขวด ขวดละ 1 ออนซ์ และเนื่องจากมันไม่ละลายจึงสะดวกในการใช้มาก โดยพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ทำขนมอบ อย่างไรก็ดีเนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้ ซึ่งเนื้อช็อกโกแลตจะแตกต่างกัน ปกติแล้วช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสไม่หวาน • • • • • • • 9.กูแวร์ตูร์ ช็อกโกแลตชนิดกูแวร์ตูร์ (couverture) เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือจะเป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของเนยโกโก้อย่างน้อยที่สุด 32% ทำให้มันสามารถคงตัวอยู่ในรูปของไขได้ดีกว่าชนิดเคลือบ ปกติแล้วจะใช้เฉพาะในร้านที่ทำขนมหวานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในรูปของส่วนที่เคลือบอยู่ภายนอกผลไม้หรือหุ้มไส้ช็อกโกแลต อยู่ 'มีรสเผ็ด' • • • • • • • 10.กานาช ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีลักษณะข้นมาก เป็นที่นิยมนำไปทำเค้กช็อกโกแลต Ganache ทำโดยการเทวิปปิงครีมที่นำไปอุ่นลงไปในชอคโกแลตสับในปริมาณที่เท่ากัน ทิ้งไว้สักครู่จนชอคโกแลตเริ่มละลายและคนให้เข้ากัน จะได้ส่วนผสมที่ข้นขึ้น อาจเติมเนยในปริมาณเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเงาให้กับกานาชด้วย • • • • • • • 11.Confectionery Coating เป็นช็อกโกแลตที่ใช้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาติต่าง ๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้นี้ผงโกโก้จะมีไขมันต่ำ แต่จะไม่มีส่วนผสมของเนยโกโก้ เหมือนชนิดอื่น ๆ จึงแยกออกมาเป็นอีกประเภทหนึ่งได้
• • • • • • • ต้นกำเนิดของช็อกโกแลต ... ประวัติช็อกโกแลต ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสูง ?! |
Is Chocolate Good For You?“We are spirits in a body. The reason we came here to this World and to this Earth from the Spirit World is so we could experience chocolate, among other things – good coffee, the senses.” ArchivesCategories |